โครงการเยาวชนไทยห่างไกลยาเสพติดและเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร
หลักการและเหตุผล
ความสำคัญและประเด็นที่เกี่ยวข้อง
การมีเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่นและปัญหาการตั้งท้องในวัยที่ไม่พร้อมเป็นปัญหาที่มี แนวโน้มเพิ่มขึ้นในกลุ่มเด็กนักเรียนในประเทศไทย โดยมีรายงานว่าการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกทั้งของ เพศหญิงและเพศชายเริ่มเมื่ออายุเฉลี่ยประมาณ 13 ปี ซึ่งผลกระทบที่ตามมาได้แก่ การเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการตั้งครรภ์ไม่พร้อม ผลการสำรวจ “เจตคติและแนวโน้มพฤติกรรมทางเพศของเยาวชนไทย” จำนวน 3,283 คน ในเขตกรุงเทพฯ อายุระหว่าง 15-24 ปี โดยคณะนิเทศศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยระบุว่า วัยรุ่นชายร้อยละ 50 และวัยรุ่นหญิงร้อยละ 30 เคยมีประสบการณ์ทางเพศ ยิ่งกว่านั้นเพศสัมพันธ์ครั้งแรกในวัยรุ่นยังเร็วขึ้น คือเฉลี่ยอายุประมาณ 12 ปี ล่าสุดพบเด็ก 9 ขวบตั้งครรภ์
จากรายงานการวิจัยถึงสาเหตุของการมีเพศสัมพันธ์กันเร็วขึ้นในกลุ่มนักเรียนเกิดจากความรู้สึกรักชอบ รองลงมาคืออยากลอง การอยู่ใกล้ชิดกับเพศตรงกันข้าม การดื่มสุรา การเที่ยวสถานเริงรมย์ และสื่อที่กระตุ้นความรู้สึกทางเพศ ส่วนบุคคลที่วัยรุ่นจะมีเพศสัมพันธ์ด้วยก็พบว่าเป็นแฟน/คู่รัก รองลงมาเป็นเพื่อนต่างโรงเรียน/เพื่อนต่างสถาบัน/เพื่อนร่วมสถาบันผู้ขายบริการทางเพศ /เพื่อนใหม่ที่พบตามเธค ผับ สถานบริการ/สถานบันเทิง
ข้อมูลของกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ กรมอนามัย และเครือข่ายผู้หญิงระบุตรงกันว่าผู้หญิงไทยมีอัตราการทำแท้งสูงถึง 300,000-400,000 รายต่อปี และข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุขระบุว่าเด็กอายุต่ำกว่า 14 ปีเข้าไปคลอดบุตรในโรงพยาบาลทั่วประเทศวันละ 10 ราย ขณะที่มีเด็กวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 19 ปีเข้าไปคลอดบุตรปีละไม่ต่ำว่า 100,000 คน ข้อมูลจากกองควบคุมโรคระบุตัวเลขผู้ป่วยเอดส์ที่มีอายุระหว่าง 15-24 ปี เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30 ในช่วงปี พ.ศ. 2547-2548 ทำให้มีวัยรุ่นที่ได้รับเชื้อแล้วกว่า 90,000 คน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรคพบว่า ปี พ.ศ. 2555 มีผู้ติดเชื้อประมาณ 1.2 ล้านคน และมีผู้ป่วยโรคเอดส์ถึงร้อยละ 85 โดยเป็นผู้ที่มีอายุระหว่าง 15 – 45 ปี ยังมีข้อมูลที่น่าสนใจ คือ ผู้ป่วยหนองในมีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยปี พ.ศ. 2543 มีอัตราผู้ป่วยโรคนี้ 22.3 รายต่อแสนประชากร แต่ในปี พ.ศ. 2553 อัตราผู้ป่วยหนองในเพิ่มสูงขึ้นเป็น 42.2 รายต่อแสนประชากร ซึ่งเป็นข้อบ่งถึงพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม หากไม่เร่งแก้ไขจะยิ่งก่อให้เกิดโรคระบาดทางเพศ โดยเฉพาะเอดส์
ในการวิจัยยังพบว่าค่าอิทธิพลของปัจจัยเสี่ยงที่มีต่อการมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนของกลุ่ม เยาวชน ที่พบว่าเยาวชนที่มีภาวะความเสี่ยง ได้แก่
- เด็กนักเรียนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะมีภาวะความเสี่ยงมีเพศสัมพันธ์ใน วัยเรียนสูงเกือบ 5 เท่าของเด็กนักเรียนที่ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- เด็กนักเรียนที่เที่ยวกลางคืนมีความเสี่ยงมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนสูง 8 เท่าของเด็กนักเรียนที่ไม่เที่ยวกลางคืน
- เด็กนักเรียนที่หนีเรียนมีความเสี่ยงมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนสูง 6 เท่าของเด็กที่ไม่หนีเรียน
- เด็กนักเรียนที่ใช้สารเสพติดมีความเสี่ยงมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนสูง 2 เท่าของเด็กที่ไม่ใช้สารเสพติด
- เด็กนักเรียนที่มีปัญหาครอบครัวมีความเสี่ยงมีเพศสัมพันธ์ในวัยเรียนสูงกว่าเด็กไม่มีปัญหาครอบครัวถึง 1 เท่า
จากการศึกษาข้อมูลนักเรียนมัธยมที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย และจากการสอบถามครูอาจารย์และผู้ที่เกี่ยวข้องพบว่าปัญหาที่เกี่ยวข้องกับวัยรุ่นที่โรงเรียนกำลังประสบอยู่ได้แก่
- พฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม และการมีเพศสัมพันธ์ของวัยรุ่น โดยเฉพาะเด็กระดับ ม. 2 และ 3 ซึ่งเกิดจากความอยากรู้อยากลอง ความคึกคะนอง และอารมณ์พาไป
- การตั้งครรภ์ในขณะที่ยังไม่พร้อม และนำมาซึ่งปัญหาการทำแท้ง แม้จะยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด แต่คนในพื้นที่ยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นปัญหามาก
- การได้รับอิทธิพลทางลบจากสื่อ โดยเฉพาะ สื่อประเภทที่กระตุ้นอารมณ์ทางเพศ สื่อเผยแพร่ค่านิยมที่ผิด ๆ เช่น เรื่องการแต่งกาย และชี้นำในเรื่องเพศ ข้อมูลที่ได้รับทราบจากครูคือนักเรียนหญิงจะนิยมแต่งกายล่อแหลม เช่น ใส่กางเกงขาสั้นมาก หรือกางเกงเอวต่ำ ใส่เสื้อสายเดี่ยว เอวลอยโชว์หน้าท้อง พฤติกรรมเหล่านี้ได้รับผ่านมาทางสื่อที่วัยรุ่นนิยมเสพ เช่น นิตยสารวัยรุ่น ทีวี จากการสุ่มถามเด็กวัยรุ่นผู้ชายว่าการแต่งกายดังกล่าวของวัยรุ่นหญิงมีผลต่อความรู้สึกทางเพศหรือไม่ กว่า 90% ตอบว่าการแต่งกายดังกล่าวไปกระตุ้นความคิดและความรู้สึกในเรื่องเพศของเด็กวัยรุ่นผู้ชาย แต่เด็กวัยรุ่นผู้หญิงกลับคิดว่าเป็นเรื่องสนุกและท้าทาย (เหมือนเป็นการเล่นเกมส์ยั่วฝ่ายชายและยังทำให้ตนเองรู้สึกมีคุณในสายตาของเพศตรงกันข้าม) และในที่สุดนำไปสู่พฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม ในขณะเดียวกันครูหลายคนยังให้ข้อสังเกตด้วยว่าตอนนี้เด็กผู้หญิงมักจะเป็นเริ่มต้นเข้าไปหาผู้ชายก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากอิทธิพลของหนังเกาหลีและญี่ปุ่น
- โทรศัพท์มือถือ ครูให้ข้อมูลว่าเด็กวัยรุ่นมีค่านิยมที่จะมีโทรศัพท์มือถือ และเกือบทุกคนมีโทรศัพท์มือถือ (แม้ว่าโรงเรียนจะมีกฎห้ามนำมาโรงเรียน แต่เด็กก็ยังแอบนำติดตัวมา) เด็กวัยรุ่นทั้งชายและหญิงจะใช้โทรศัพท์เพื่อพูดคุยกันและส่งข้อความหรือรูปถึงกัน และกลายเป็นช่องทางที่ทำให้เกิดเพศสัมพันธ์ในกลุ่มเด็กวัยรุ่น นอกจากนั้นยังกลายเป็นการแข่งขันที่จะมีโทรศัพท์รุ่นใหม่ ๆ จนทำให้เด็กวัยรุ่นบางคนยอมทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เช่น ยอมมีเพศสัมพันธ์เพื่อแลกกับโทรศัพท์หรือบัตรเติมเงิน เป็นต้น
- สื่อที่ไปกระตุ้นความก้าวร้าวรุนแรงจำพวกเกมส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามร้านเน็ตซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก จากการสำรวจพบว่าเด็กวัยรุ่นผู้ชายมักจะจับกลุ่มไปเล่นเกมส์ตามร้านเน็ตดังกล่าวหลังเลิกเรียน (แต่มีบางส่วนที่แอบหนีไปเล่นในระหว่างเวลาเรียน) และในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ พฤติกรรมดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการเรียน และยังเป็นแหล่งมั่วสุมอันจะนำไปสู่ปัญหาพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสมและสิ่งเสพติด ซึ่งครูอาจารย์ทุกโรงเรียนมีความห่วงใยในเรื่องนี้
- พฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ เช่น เที่ยวกลางคืน สารเสพติด เหล้าและบุหรี่
ข้อมูลเหล่านี้คือเครื่องบ่งชี้ถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการปลูกจิตสำนึกและสร้างความตระหนักให้เด็กและเยาวชนหันมาให้ความสำคัญกับการยับยั้งชั่งใจไม่มีเพศสัมพันธ์และหลีกหนีจากสิ่งยั่วยุทางเพศ เพราะหากยังไม่มีการจัดการกับต้นเหตุของปัญหา ซึ่งก็คือการมีค่านิยมที่ผิด ๆ ของวัยรุ่น การขาดการยับยั้งชั่งใจ การขาดทักษะที่จะตอบโต้แรงกดดันทางลบจากกลุ่มเพื่อน การไม่รู้เท่าทันถึงอิทธิพลของสื่อต่อการพัฒนาความคิดของวัยรุ่น รวมทั้งการขาดทักษะในการคบเพื่อนต่างเพศ ปัญหาเรื่องเพศสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมก็จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
ไม่เพียงปัญหาพฤติกรรมทางเพศเท่านั้น สถานการณ์ปัญหายาเสพติดได้เริ่มแพร่ระบาดและกำลังทวีความรุนแรงขึ้นอย่างน่าวิตก การหวนกลับมาระบาดอย่างหนักของยาเสพติดในปัจจุบันส่งผลให้เยาวชนหลงผิดเข้าสู่วงจรของการซื้อขายและเสพยาเสพติดเพิ่มมากขึ้น ยาเสพติดไม่เพียงทำลายเยาวชนซึ่งเป็นทรัพยากรบุคคลในอนาคตที่สำคัญ ยาเสพติดยังเป็นปัญหาที่สร้างความรู้สึกสะเทือนใจและเจ็บปวดให้กับพ่อแม่ผู้ปกครอง และนำมาซึ่งความรุนแรงในครอบครัวและอาชญากรรมต่าง ๆ ในสังคม เช่น การลักขโมย ฉกชิงวิ่งราวและการก่อปัญหาอาชญากรรมอื่นๆตามมาอีกมากมาย ผลการสำรวจล่าสุดพบว่ามีนักเรียนนักศึกษา (ป. 6-ปริญญาตรี) เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดถึงกว่า 5 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นยาบ้า รองลงมาเป็นยาไอซ์
ทั้งสองปัญหานี้ คือ เพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรและยาเสพติดนั้นมักจะโยงใยถึงกัน ซึ่งสาเหตุมาจากการอยากรู้อยากลอง การชักชวนของเพื่อนฝูง การรู้เท่าไม่ถึงการ ขาดการตระหนักถึงพิษภัยและผลเสียของมัน สิ่งยั่วยุ ความเจริญทางเทคโนโลยีและการสื่อสาร รวมไปถึงพ่อแม่ผู้ปกครองที่ไม่มีเวลาในการอบรมเลี้ยงดู
สถาบันครอบครัวไทยจึงได้จัดทำโครงการ “เยาวชนไทยห่างไกลยาเสพติดและเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร” เพื่อสอนให้เยาวชนของเราได้ตระหนักถึงพิษภัยของปัญหาทั้งสอง และรู้จักหลีกเลี่ยงภัยอันตรายเหล่านั้น เพื่อเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเยาวชนไทย
ความคิดริเริ่ม
นักวิชาการด้านการศึกษาได้แบ่งระดับของการเรียนรู้ไว้เป็นสามระดับ ได้แก่ (1) ความรู้ (2) ความเข้าใจ ความตระหนัก และ (3) ความประพฤติ โดยที่ความรู้จะนำไปสู่ความเข้าใจ และความเข้าใจจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม นักวิชาการด้านการศึกษาจึงสรุปความหมายของการเรียนรู้ว่าหมายถึงการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นหากไม่มีการเปลี่ยนแปลง (ไม่ว่าจะเป็นทัศนคติและความประพฤติ) ก็แสดงว่าการเรียนรู้ยังไม่เกิดขึ้น
จุดเด่นของ“โครงการเยาวชนไทยห่างไกลยาเสพติดและเพสัมพันธ์” คือ การปรับเปลี่ยนในระดับทัศนคติ ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าการเปลี่ยนความรู้ จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในเรื่องเพศให้เป็นไปในแบบที่ถูกต้อง อีกทั้งยังมีการฝึกฝนทักษะต่าง ๆ สำหรับการมีพฤติกรรมที่ถูกต้องดีงามอีกด้วย โดยโครงการมีแนวคิดพื้นฐานดังนี้
- เพศสัมพันธ์ก่อนเวลาอันควรและยาเสพติดเป็นการทำลายทั้งตัวเองและผู้อื่น เป็นภัยที่คุกคามวัยรุ่นทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจและอารมณ์
- เพศสัมพันธ์ก่อนเวลาอันควรไม่เพียงทำให้วัยรุ่นสูญเสียความบริสุทธิ์ทางเพศเท่านั้น แต่ยังอาจทำให้ตั้งท้อง หรือการมีบุตรตั้งแต่อายุยังน้อย และยังเสี่ยงต่อการติดโรค โดยเฉพาะโรคเอดส์ นอกจากนั้นยังส่งผลต่ออารมณ์ความความรู้สึก ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาความสัมพันธ์ในอนาคต
- เพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานมักจะได้รับอิทธิพลจากค่านิยมของสังคม การสอนความรู้อาจจะไม่เพียงพอ ดังนั้นจำเป็นต้องให้ความรู้ความเข้าใจกับวัยรุ่นในด้านศีลธรรมและจริยธรรมทางเพศ
- เพื่อหลีกเลี่ยงเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรและยาเสพติด วัยรุ่นจะต้อง
- เข้าใจอันตรายทางร่างกายและอารมณ์ของการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรและยาเสพติด
- เข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างความรัก ความใคร่ และความหลง
- มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มองถึงประโยชน์ของการรักษาความบริสุทธิ์ทางเพศไว้จนถึงวันแต่งงาน และการไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติดทั้งหลาย
- มีทักษะในการรับมือกับแรงกดดันในเรื่องเพศและสิ่งเสพติด
- การสอนความรู้ให้วัยรุ่นจะด้อยประสิทธิภาพท่านทีหากวัยรุ่นไม่ได้พัฒนาลักษณะนิสัยในการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงและไม่ปลอดภัย
- การสอนให้วัยรุ่นมีพฤติกรรมทางเพศที่เหมาะสมและหลีกเลี่ยงสิ่งเสพติดจะควบคู่ไปกับการสอนกฎเกณฑ์ทางศีลธรรม
วัตถุประสงค์ของโครงการ
- เพื่อสอนให้เยาวชนตระหนักถึงพิษภัยและผลกระทบของการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรและยาเสพติด ทั้งในด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และศีลธรรม
- เพื่อสร้างความตระหนักและปลูกฝังจิตสำนึกเกี่ยวกับคุณค่าและความสำคัญของการรักนวลสงวนตัว การรู้จักยับยั้งชั่งใจในเรื่องเพศ การมีทัศนคติและการมีพฤติกรรมที่ถูกต้องเหมาะสมในเรื่องเพศ รัก หวงแหน และเห็นคุณค่าของการรักษาพรหมจรรย์ไว้จนถึงวันแต่งงาน
- เพื่อสร้างและปลูกฝังจิตสำนึกให้เยาวชนรักตัวเองและห่างไกลจากสิ่งเสพติด
- เพื่อฝึกฝนทักษะต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับวัยรุ่นเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อเพศสัมพันธ์และสิ่งเสพติด (การวางตัว การคบเพื่อน การคบเพื่อนต่างเพศ และการรู้จักปฏิเสธ)
- เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลและร่วมแก้ปัญหายาเสพติดในสถานศึกษาและชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม
ระยะเวลาและรูปแบบการจัดกิจกรรม
การอบรมใช้ระยะเวลา 3 วัน (8.30-16.00) เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และเจตคติที่ถูกต้องในเรื่องเพศและยาเสพติด การอบรมจะเป็นการบรรยายเชิงอภิปรายผ่านสื่อประกอบสมัยใหม่ สาธิตตัวอย่าง และการอภิปรายกลุ่ม และกระบวนการที่เรียกว่า Dynamic group เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมได้ค้นพบความจริงด้วยตัวเอง เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมเกิดความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักมากที่สุด
กลุ่มเป้าหมาย
เยาวชนทั้งชายและหญิงในสถานศึกษา (ม. 1-6) โดยผู้เข้ารับการอบรมในแต่ละกลุ่มต้องมีวัยและระดับความรู้ใกล้เคียงกัน)
เจ้าของและผู้ดำเนินโครงการ
มูลนิธิสถาบันครอบครัวไทย
6/142 ซ. 15 ถนนสตรีวิทยา 2 แขวง/เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230
โทร 02 9354970-71 แฟกซ์ 02 5397254
Website www.thisisfamily.org e-mail somjai.raksasee@hotmail.com
อำนวยการหลักสูตร
ดร. สมใจ รักษาศรี
ประธานกรรมการ/ผู้อำนวยการสถาบันครอบครัวไทย
ผู้เชี่ยวชาญด้านครอบครัว
ประสานงานเพื่อการจัดอบรม
อ. จินตนา 086 3880169