ผู้คนเข้าใจคำนี้แตกต่างกันไป หนุ่มสาวที่รักกันใหม่ ๆ บอกว่าเป็นความรักหวานซึ้ง ประเภททำให้หัวใจพองโต หัวใจเต้นแรง ประเภทเดียวกับหนังรักโรแมนติคเกาหลีหลาย ๆ เรื่องที่ทำเอาหนุ่มไทยสาวไทยอยากกินกิมจิและอยากไปยังสถานที่บางแห่งในประเทศเกาหลีที่หลาย ๆ คนโวว่าเป็นสถานที่โรแมนติคที่สุดในโลก
ส่วนคนที่เพิ่งแต่งงาน หรือแต่งงานสร้างครอบครัวกันมาได้ระยะหนึ่งก็บอกว่าเป็นความรักแบบหวานชื่น ประเภทมีฉันต้องมีเธอทุกหนทุกแห่ง พวกเขาสามารถเดินจับมือโอบไหล่คลอเคลียกันโดยไม่สนใจว่าใครจะมองหรือคิดอย่างไร และหากจะมีใครสักคนละลาบละล้วงถามว่าทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย พวกเขาจะประสานเสียงบอกไปว่า “…ก็เรารักกันนี่…” พูดง่าย ๆ ก็คือพวกเขาอยากประกาศ (ด้วยการแสดงออก) ว่าคนรักกันเป็นอย่างไร
แต่สำหรับคนที่แต่งงานกันมาเกินกว่า 3 ปีขึ้นไปก็มักจะบอกว่า “รักโรแมนติคเหรอ… จะมีก็แต่ในนิยายเท่านั้นแหละ ชีวิตจริงน่ะหรือ… อย่าให้พูดดีกว่า” ยิ่งกว่านั้นบางคนยังบอกว่าเป็นเรื่องเหลวไหลเสียด้วยซ้ำ
ความโรแมนติคคืออะไร
พจนานุกรมแปลเพียงแค่ว่า “เป็นความรักใครระหว่างชายหญิง” แต่ก็ไม่ได้บอกว่าความรักแบบโรแมนติคเป็นอย่างไร มีลักษณะอย่างไร เมื่อปลายปีที่แล้วดิฉันได้อ่านพบเรื่องราวความรักแบบโรแมนติคของคุณปู่วัย 70 ปีที่คว้ารางวัลสุดยอดเรื่องรักแดนมังกรประจำปี 2006 จัดขึ้นโดย Chinese Women Weekly ซึ่งรวบรวมเรื่องราวความรักจากทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2006
เรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประเทศจีนนี้เป็นเรื่องราวความรักของคุณปู่วัย 70 ปี ใช้สองมือสลักหินเป็นขั้นบันไดกว่า 6,000 ขั้น ทอดยาวขึ้นไปยังภูเขา เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ภรรยาวัย 80 ปีของท่าน ตำนานความรักของคนคู่นี้ เริ่มต้นเมื่อ 50 ปีก่อน เมื่อหลิวกั๋วเจียงวัย 20 ปี เกิดตกหลุมรักหญิงม่าย สีว์เชาชิง ซึ่งมีอายุมากกว่าถึง 10 ปี ทั้งเพื่อนและญาติพี่น้องต่างจับกลุ่มพูดคุยถึงความสัมพันธ์ต่างวัย แถมฝ่ายหญิงยังมีลูกติดอีกต่างหาก ดังนั้นเพื่อหนีคำครหาและการรังเกียจเดียดฉันท์จากสังคม ทั้งคู่จึงได้หนีไปใช้ชีวิตในถ้ำแห่งหนึ่ง ในอำเภอเจียงจิน เมืองฉงชิ่ง นั่นแหละคือที่มาของบันไดกว่า 6,000 ขั้น
ดังนั้นความรักแบบโรแมนติคจึงเป็นความรักที่…
- หวานซาบซึ้งด้วยความเสน่หา
- อุทิศตัวทำทุกอย่างเพื่อความสุขของอีกฝ่ายหนึ่ง
- เธอมีคุณค่าและมีความหมายต่อฉันมากกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง
- ต่างฝ่ายต่างชื่นชมในคุณค่าของกันและกัน
- เข้าอกเข้าใจกัน รู้ใจกัน และถ้อยทีถ้อยอาศัย
- หัวใจของคนทั้งคู่ชุ่มฉ่ำไปด้วยความรักที่มีต่ออีกฝ่ายหนึ่ง
- สองเราเป็นหนึ่งเดียวกัน
- รักเธอทุกวัน ยิ่งนานวันยิ่งรักมากขึ้น
- ฯลฯ
การสร้างความโรแมนติค
ดิฉันเชื่อว่าคู่สมรสทุกคู่ปรารถนาให้ “ต้นรัก” ของพวกเขาเติบโต ออกดอกบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมอบอวลดังดอกราตรีในยามค่ำคืน และคงอยู่เช่นนั้นตราบนานเท่านาน แต่ในความเป็นจริงกลับเป็นว่าความรักของหลายต่อหลายคู่กลายเป็นความรักที่ “เยือกเย็น” และ “จืดจาง” จนแทบกลายเป็นเรื่องเหลือเชื่อหากจะบอกว่าคนคู่นี้เคยรักกันอย่างหวานชื่นมาก่อน ทำอย่างไรความรัก (ของชายหญิงที่เคยเป็นคู่รักกันและปัจจุบันกลายเป็นคู่ชีวิตกัน) จะคุกรุ่นไปด้วยกลิ่นไอของความโรแมนติค ทำอย่างไร “ไฟรัก” จะลุกโชนอยู่ตลอดเวลา ดิฉันมีข้อเสนอแนะอยู่ 5 ประการ
ประการแรก
ความโรแมนติคเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความรักในรูปแบบของการแสดงออกเหมือนเมื่อครั้งที่ “ปิ๊ง” กันใหม่ ๆ เช่น นัดพบกันทุกวัน พูดคุยกันทุกวัน เอาอกเอาใจ แสดงความห่วงใย และมีของขวัญของฝากมาให้เป็นระยะ เป็นต้น สาเหตุที่ทำให้ความโรแมนติคค่อย ๆ จางหายไปจากความรักและความรักเองค่อย ๆ เหือดแห้งลงก็เพราะการแสดงออกของความรักค่อย ๆ หายไป และในที่สุดก็เหือดแห้งไป ดังนั้นหลายคู่จึงอยู่กันไปวัน ๆ หรือไม่ก็ออกอาการเบื่อหน่ายต่อกัน เป็นต้น
ประการที่สอง
ความโรแมนติคเรียกร้องการจัดลำดับสำคัญ คือต่างฝ่ายต่างถือว่าคู่ของตนมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เหนือกว่าความต้องการของตนเอง และสำคัญกว่าสิ่งอื่น ๆ เป็นไปไม่ได้ที่ความโรแมนติคจะเกิดขึ้นหากฝ่ายหนึ่งจ้องแต่ทีวีส่วนอีกฝ่ายหนึ่งเอาแต่คุยโทรศัพท์ทั้ง ๆ ที่อยู่ในห้องเดียวกัน
ประการที่สาม ความโรแมนติคเรียกร้องใจที่จดจ่ออยู่กับอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งทำให้เราอยากฟังเวลาเขาพูด และฟังด้วยความสนใจ ขณะเดียวกันเราก็อยากแบ่งปันเรื่องราวที่เราประสบพบเจอให้เขาฟัง มีความรู้สึกว่าอยู่ใกล้ชิดกันแม้ว่าจะอยู่ห่างกัน
ประการที่สี่
ความโรแมนติคเกี่ยวข้องกับ “อารมณ์ร่วม” หมายถึงสิ่งที่กระตุ้นคุณทั้งสองให้มีอารมณ์รักที่สดชื่นและดื่มด่ำ บางทีอาจจะเป็นเสียงเพลง บรรยากาศที่โรแมนติค ภาพยนตร์ หรืออะไรก็ตามที่ทำให้คุณทั้งสองรู้สึกดีต่อกัน และทำให้ย้อนคิดถึงวันเวลาเก่า ๆ เมื่อครั้งรักกันใหม่ ๆ เมื่อประสาทสัมผัสของเราถูกกระตุ้น ความรู้สึกแบบโรแมนติคก็จะพรั่งพรูไปทั่วร่างกายและในที่สุดปรากฏออกมาเป็นการกระทำ
ประการที่ห้า
ความโรแมนติคเรียกร้องการมีส่วนร่วมทั้งจากสามีและภรรยา ความโรแมนติคจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้เลยหากอีกฝ่ายหนึ่งไม่ร่วมมือด้วย
ดิฉันก็เหมือนกับทุก ๆ คน คือ อยากให้ความรักระหว่างฉันและสามีคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา เคล็ดลับที่ได้คันพบก็คือต้องคอยเติมเชื้อไฟให้ความรักอยู่ตลอดเวลา เพราะความรักก็เหมือนกับกองไฟ แรก ๆ ก็ลุกโชติช่วง แต่เมื่อเวลาผ่านไปมันก็ค่อย ๆ มอด แต่ถ้าเราคอยเติมฟืน เขี่ยขี้เถ้าออก ไฟนั้นก็ลุกโชติช่วงอยู่ตลอดเวลา
การสร้างความโรแมนติคในชีวิตคู่คือเชื้อเพลิงอย่างดีสำหรับ “ไฟแห่งความรัก” มันจะช่วยให้ครอบครัว และความรักของคุณคุกรุ่นอยู่เสมอ แม้เวลาของการแต่งงานจะผ่านไปเป็น 10, 20 หรือ 30 ปี แต่คุณก็จะรู้สึกว่ามันเพิ่งผ่านไปเมื่อไม่นานมานี้เอง